วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2557

[Cafe] เมื่อหมอบอกว่าคุณเป็น "เบาหวาน"

เมื่อหมอบอกว่าคุณเป็น "เบาหวาน"

"เบาหวาน"คืออะไร




ขอบคุณภาพจาก http://cerrawater.com



"เบาหวาน" คือ โรคที่มีความบกพร่องในการดึงน้ำตาลในกระแสเลือดมาใช้ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคล้ายขาดพลังงาน และน้ำตาลที่ค้างในเลือดมากเกินไป จะก่อให้เกิดผลเสียต่อโครงสร้างหลอดเลือดตามมาได้ ถือว่าเป็นโรคยอดฮิตโรคหนึ่งของคนยุคใหม่

"เบาหวาน" เกิดจากอะไร
ในภาวะปกตินั้น เวลาเรากินอาหารเข้าไป อาหารต่างๆจะถูกย่อยในระบบย่อยอาหารตามขั้นตอนปกติ ซึ่งในขั้นตอนสุดท้าย อาหารต่างๆจะถูกแปลงเป็น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ และถูกดูดซึมไปตามกระแสเลือดและน้ำเหลืองเพื่อไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ 

คาร์โบไฮเดรต เป็นสารอาหารที่จำเป็น เพราะเป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกายที่เรียกใช้เป็นอันดับแรกๆ คาร์โบไฮเดรตต้องถูกย่อยจนเป็นน้ำตาลขนาดเล็กๆ**ก่อนถึงสามารถเก็บเอาไปใช้ได้ กลไกการเก็บต้องอาศัยสารต่างๆรวมทั้งฮอร์โมนจากตับอ่อนที่ชื่อ อินซูลิน

คนที่มีพฤติกรรมชอบกินของหวานๆบ่อยๆ ทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ตับอ่อนต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเร่งผลิตอินซูลินให้เพียงพอต่อการเก็บน้ำตาล ตับอ่อนก็เปรียบเหมือนเครื่องจักรเครื่องหนึ่ง เมื่อมันทำงานมาก ก็ทำให้เครื่องร้อน ป้อนวัตถุดิบไม่ทัน เกิดความเสียหาย จึงพยายามชดเชยด้วยการผลิตสินค้าแบบลวกๆออกมา อินซูลินที่คุณภาพไม่ดีนี้ ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ น้ำตาลจึงถูกกักเก็บได้ไม่ดี

ส่วนอวัยวะต่างๆนั้น ก็เริ่มป้องกันตัวเอง เพราะถ้าน้ำตาลในเซลล์มากไปย่อมทำให้อวัยวะเสียหาย จึงลดการตอบสนองต่ออินซูลินน้อยลง เรียกว่ามีภาวะ ดื้อ ต่ออินซูลินนั่นเอง 

เมื่อไม่มีที่ให้น้ำตาลไปเพราะไม่มีใครต้องการ มันจึงคั่งอยู่ในกระแสเลือด ปริมาณมากขึ้นๆๆ ทำให้เลือดข้นและเริ่มหนืดเหมือนน้ำเชื่อม ไหลเวียนไม่คล่อง ไตจึงมารับหน้าที่ในการพยายามเอาน้ำตาลออกให้ได้ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปัสสาวะบ่อยๆ ปริมาณมากน้อยขึ้นกับน้ำที่ดื่มเข้าไป เมื่อปัสสาวะมากก็หิวน้ำมาก ดื่มเยอะ และบางครั้งอาจตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะด้วย

ด้วยความที่อวัยวะต่างๆพยายามป้องกันตัวเอง และความเสื่อมของอินซูลิน จึงทำให้อวัยวะดูดน้ำตาลมาใช้ได้น้อยลง นานๆเข้าก็ทำให้ระบบดูดซึมน้ำตาลสูญเสียไปด้วย จึงทำให้เป็นคนกินเก่งขึ้น กินได้เยอะ แต่กลับน้ำหนักเท่าๆเดิม หรืออาจจะลดลงด้วยซ้ำ เนื่องจากกินเข้าไปก็ดูดซึมไม่ดี ขับออกหมด ร่างกายจึงเริ่มอ่อนเพลีย ผอมแห้ง วิงเวียนศีรษะ

อาการทั้งหมดนี้จึงเป็นอาการเตือนของโรค " เบาหวาน " ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของเราเอง

ยังมีเบาหวานอีกประเภทที่มักพบในคนอายุน้อยๆ แต่มีอาการรุนแรงมาก ต้องฉีดอินซูลินทั้งชีวิต เนื่องมาจากการทำงานของ เบต้าเซลล์ในตับอ่อนบกพร่อง ทำให้ผลิตอินซูลินได้น้อยมาก หรือไม่ได้เลย


"เบาหวาน" รักษายังไง

แพทย์แผนปัจจุบันมีแนวทางการรักษาตรงตัวเลย คือ เมื่อน้ำตาลขึ้น ก็ต้องลดมัน โดยการให้ยาลดน้ำตาล เช่น อินซูลินฉีด ยา metformin เป็นต้น ซึ่งการกินยาพวกนี้นานๆย่อมเกิดผลข้างเคียงที่เลี่ยงไม่ได้ ขึ้นกับตัวยา เช่น ตับอักเสบ เป็นต้น

ส่วนอีกวิธีที่ยั่งยืนกว่า คือการปรับสมดุลร่างกาย โดยการลดความเครียด ออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ ให้เลือดไหลเวียน เหมือนกับน้ำในลำธาร ถ้าน้ำอยู่นิ่งๆ ตะกอนดินต่างๆย่อมตกทับถมกันตรงบริเวณนั้น

อาหาร ต้องกินให้พอดี การกินจนเกินอิ่มนั้นย่อมเหมือนกับการยัดสิ่งของจำนวนมากลงในส้วม ทำให้ส้วมตัน เช่นเดียวกัน อาหารที่ย่อยไม่หมด ย่อมทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานไม่ดี

หลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด น้ำตาลที่เยอะเกิน ทำให้ตับอ่อนทำงานหนัก เมื่อนานวันเข้า ทำให้การหลั่งอินซูลินผิดปกติ จนเกิดอาการเบาหวานได้


= CoffeeMeow =

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แล้วคุณล่ะ...คุณคิดว่าไง?